เดือนที่ผ่านมา เป็นเดือนของความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ต้นเดือน 5/6/52 เป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 32 ((แก่แย๊วอะ)) วันเกิดปีนี้ไม่ได้มีการฉลองอะไรเลย แม้แต่กับเพื่อนสนิทและกับคนรัก ก็มีแต่หลานฉลองให้ก่อนวันเกิดวันนึง ด้วยเค้กของการบินไทย และอาหารโปรดของสองสาว "ซูชิ" งานนี้เริ่มต้นด้วยน้ำตาของหลานตัวดี เพราะว่าไม่อยากให้ทำอะไรให้ เสียดายเงินอยากให้หลานเก็บเงินเอาไว้ใช้เวลาที่จำเป็นมากกว่า และท้ายสุดก็ต้องยอมจนได้ เพราะเห็นความตั้งใจของเค้าที่จะทำให้ อีกอย่างคนเสียเงินค่ะ ป้ามัน 555
รูปหลานรักใส่ชุดเมท (คนซ้าย) วันคอสเพลย์กะเพื่อนๆเค้า
และในช่วงนั้น เพื่อนที่แสนรักก็ยังป่วยอาการขั้นโคม่านอนอยู่โรงพยาบาล ก็ต้องแวะเวียนไปหาเค้าอย่างสม่ำเสมอ ปกติเค้าเป็นคนที่ใส่ใจเพื่อนๆมาก ไม่เคยลืมวันเกิดใครเลย จำได้ว่า วันนั้นถามเค้าว่าวันอะไร เค้าก็ตอบวันโน้นวันนี้ ไม่วนมาถึงวันเกิดเราสักที แต่ก็เฉยๆ นะ ไม่ได้บอกเค้าเพราะกลัวเค้าคิดมากว่า ทำไมแค่นี้เค้าถึงจำอะไรไม่ได้ จนในที่สุดวันที่ 7/6/52 เค้าก็จากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ
13/6/52 เป็นการเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งอย่าง คือวันที่ได้เลิกลากับคนที่ไว้ใจและเชื่อใจที่สุด และเป็นวันที่ทำให้รู้เลยว่า คำพูดและการกระทำของคนที่เรารัก ไว้ใจและเชื่อใจที่สุด ย้อนกลับมาทำลายตัวเรานี่เอง
กับสองเหตุการณ์ "จากเป็น" และ "จากตาย" เคยถามตัวเองเมื่อนานมาแล้วว่า การจากลาแบบไหนเจ็บปวดที่สุด และเคยตอบตัวเองว่าน่าจะเป็นการจากเป็น เพราะการจากเป็นคือการจากทั้งๆที่เรายังรักเค้าอยู่แต่เค้าน่ะไม่รักเราแล้ว ส่วนการจากตาย คือ ความรัก ความห่วงใย ความหวังดี ที่เค้ามีให้เราและมีให้เค้ายังคงอยู่และตลอดไป
แต่ ณ เวลานี้ ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้ได้คำตอบอีกแบบเหมือนกันว่า การจากเป็น เจ็บปวดน้อยกว่าการจากตาย เพราะการจากเป็นกับคนๆนี้ มันทำให้สูญสิ้นความรักทั้งหมดจนเหลือศูนย์พร้อมบวกเรื่องราวบางอย่างเข้ามาจนมันติดลบ เยื่อใยทึ่ควรมีมันเลยไม่เหลือแม้แต่เศษเส้นเดียว แต่การจากตายของเพื่อนรัก คนที่อยู่ข้างๆ มากตลอดเวลาสิบปี ตนที่คอยดูแลทั้งตัวแนท ครอบครัว หลาน แม้กระทั้งน้องหมา คนที่ช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างในช่วงที่เราล้ม มีแต่คนเหยียบย่ำและมองข้าม ช่วยเหลือเราในเวลาที่เราอับจนที่สุด ไม่เคยทอดทิ้งและห่างหายไปไหนนั้น ทำให้เราเสียใจ อาวรณ์ และคิดถึงเค้ามากที่สุด
ณ ขณะนี้ ตอนนี้ กับพ่อแม่ พี่สาว หลาน ยังพูดกันเสมอว่าไม่อยากเชื่อว่าเค้าได้จากเราไปแล้ว และจากไปจริงๆ อย่างไม่มีวันหวนกลับ
20/6/52 อีก 1 เหตุการณ์ที่เข้ามาก็คือ เปิดเทอม เทอมนี้เป็นเทอมที่ได้กลับไปเรียนอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ปริญญาใบที่สองนั้นสำเร็จสักที วันแรกได้เพื่อนมา 1 คน เป็นคนที่เจอกันตั้งแต่วันสัมภาษณ์และก็มาสนิทกันเลย เหมือนรู้จักกันมานาน ในวันที่ 2 รู้จักเพิ่มมาอีก 4 คน เป็นคุณพี่สองคน คุณเพื่อน 1 คนและคุณน้องชาย 1 คน
ผ่านมาจนตอนนี้เข้าสัปดาห์ที่ 4 ในวันนี้ มีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทแล้วรวมตัวเองก็ 9 คน มีเข้ามาใหม่อีก 5 คน (5 คนหลังนี่วุ่นวายน่าเบื่อ) รวมแล้ว 14 คน เป็นปรากฎการณ์การมีเพื่อนที่เยอะที่สุดในชีวิตแล้วนะนี่
อนาคตข้างหน้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร รู้แค่ว่า วันนี้ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อนคนที่รักเราและเรารักเค้ามากที่สุด คนที่แม้ว่าเราทำผิดแค่ไหน น่าเบื่อแค่ไหน อยากทิ้งมันให้ตายก็ไม่สามารถทำได้ คนที่ไม่ว่าเวลาไหนเค้าก็ยังคงอยู่เคียงข้างเรา สัญญานะคะ ปริญญาใบนี้ไม่นานแน่นอนรอชื่นชมได้เลยค่ะ คุณพ่อและคุณแม่ของลูก
4/7/52 วันนี้คุณหมอนัดไปแสกนไตอีกครั้ง เพราะว่าค่าความดันโลหิต ค่าต่างระหว่างตัวบนและตัวล่างแคบมาอย่างต่อเนื่องจนน่ากลัวว่าจะเป็นอันตรายแก่ร่างกายเป็นอย่างมาก คุณหมอ ห่วง แต่ตัวเองเฉยๆ เพราะว่าความรู้สึกของตัวเองก็คือช่วงนี้แข็งแรงเอามากๆ ผลตรวจออกมา ไตทำงานลดลงไป 2% เอาน่ะชิวๆ แค่นี้ไม่ตายหรอก
แต่ที่จะตายก็คือ ไอแค่กๆ ไม่รู้จักเลิกลา จนคนรอบตัวรังเกียจแล้วนี่ มีแต่คนกลัวจะเป็น 2009 กัน เอาน่ะ มั่นใจว่ารอดอยู่ไปอีกนาน ไม่ติดหรอก
พอมองย้อนไป ก็ โห..... เดือนเดียว มีอะไรต่างๆ เข้ามามากมาย ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ รายละเอียดย่อยๆ ยังมีอีกเยอะ อาจเพราะแบบนี้ด้วยแหละ เลยทำให้ไม่มีเวลาไปคิดถึงอะไรทั้งสิ้น เอาแค่ที่ผ่านเข้ามาและให้ผ่านไปอย่างดีก็หมดไป 1 วันแล้ว
1 ข้อความส่งข่าวถึงกัน:
ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดทั้งมวล...ผ่านพ้นไปแล้ว
หากในวันนี้ เราคงยังยืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแรง
นั่นแสดงให้เห็นว่า หัวใจของเรา ร่างกายของเรา
มีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นอีกมากมายแล้วค่ะ
ผ่านมาได้แล้วตั้งเยอะ
ในอนาคตจากนี้ไป ก็ต้องผ่านไปให้ได้เช่นกันนะคะ คุณแนท
สู้ สู้ค่ะ
^ ^
แสดงความคิดเห็น
^^